ตำนาน ผาแดง-นางไอ่

ตำนานเล่าว่า  เหมืองหนองแสน่านเจ้า  เป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์  มีแม่น้ำ 5 สาย ไหลมารวมกันที่หนองแส  เมืองหนองแส   แบ่งเป็น 2 เมือง  อยู่คนละฝั่ง  แห่งหนองแสทางฝั่งขวาเจ้าสุทนาคปกครอง  ทางฝั่งซ้ายสุวรรณนาคปกครองทั้งสองสามัคคีกันดี  ต่อมาแตกสามัคคีกันเพราะการแบ่งเนื้อเม่น  เจ้าสุทโธนาคไม่พอใจ  คิดว่าเจ้าสุวรรณนาคไม่ชื่อ  จึงทะเลาะกันจนเกิดสงคราม  พระอินทร์ต้องสั่งเทพบุตรลงมาระงับศึกและแบ่งเขตให้เจ้าสุวรรณนาคครองฝั่งใต้  ในเจ้าสุทธนาคครองฝั่งเหนือและตะวันออ  โดยแบ่งลงไปจนถึงทะเล  นาคทั้งสองจึงขุดคลองจากหนองแสลงสู่ทะเล  คลองทั้งสองก็คือ แม่น้ำของ (ปัจจุบันเรียกโขง) กับแม่น้ำน่าน หรือโพระมิง
สุวรรณนาค  ย้ายเมืองไปตั้งที่นันทบุรี  อาจจะเป็นบริเวณจังหวัดน่านในปัจจุบันส่วนสุทโธนาค  ย้ายไปตั้งที่ ศรีสีตตนาคนหุต ครองลุ่มน้ำของ  และไปถึงทะเลก่อน  จึงได้ปลาบึกขึ้นมาปล่อยไว้ในน้ำของสุทโธนาคแห่งศรีสัตตนาคนหุต  มีโอรสชื่อ  ภังคี  เป็นหนุ่มที่รูปหล่อมาก  ทางตอนใต้ของศรีสัตตนาคนหุต  มีเมือง  สุวรรณโคมคำ  หรือ  โคมคำ  หรือ  เอกธีตา  เมืองนี้มีพญาขอมเป็นผู้ปกครอง  อาจจะตั้งอยู่บริเวณอำเภอกุมภวาปี  จังหวัดอุดรธานี  พญาขอมมีธิดาที่เลอโฉม  นามว่านางไอ่  หรือนางไอ่คำ  หรือนางไอ่ใจเมือง พญาขอมมีน้องชาย 2 คน  ให้ไปครองเมืองเชียงเหียนและเมืองสีแก้ว  มีหลายชาย 2 คน  ให้ไปครองเมืองฟ้าแดด  และเมืองหงส์  ความงามของนางไอ่  ดังไปทุกทิศจนไปถึงหูของท้าวผาแดง  แห่งเมืองผาโผง  ท้าวผาแดงจึงขึ้นม้าแอบไปพบนางไอ่  และได้สมัครรักใครกัน  และสัญญาว่าจะมาสู่ขอตามประเพณีอีกครั้ง
ครั้นถึงกลางเดือนหกพญาขอมจะทำบุญบั้งไฟ  จึงมีใบบอกไปยังหัวเมืองต่างๆ  ที่เป็นเมืองบริวารให้ทำบั้งไฟไปจุดในงาน  ท้าวผาแดงซึ่งไม่ได้รับใบบอก  แต่ทราบข่าว  จึงจัดบั้งไฟเหมือนไปร่วมบุญด้วย  จึงได้ไปพบนางไอ่เป็นครั้งที่ 2 ในการจุดบั้งไฟพญาขอม  ให้มีการพนันว่า  ถ้าบั้งไฟใครชนะ  จะให้ครองสมบัติพร้อมทั้งนางสนมกำนัลปรากฏว่า  บั้งไฟของเมืองอื่นๆขึ้นหมด  ส่วนของพญาขอมไม่ขึ้น (ซุ) และของท้าวผาแดงแตกกลางบั้ง  แต่พญาขอมก็มิได้ทำตามสัญญาเจ้าเมืองต่างๆ  ซึ่งเป็นบริวารเห็นว่าผิดสัญญาจึงกลับกันหมด  เหลือแต่ท้าวผาแดง  หลังจากที่ได้พบรักและเสร็จงานแล้ว  ท้าวผาแดงจึงลากลับ  พร้อมกับนำความทุกข์กลับไปด้วย (ทุกเพราะความรัก  กลัวจะไม่สมหวัง)
ตลอดเวลางานบั้งไฟท้าวภังคี  มิได้ทำบั้งไฟมาร่วม  แต่ได้จำแลงแปลงตัวมาร่วมงาน  และมาหลงรักนางไอ่ด้วยเช่นกัน  แต่ก็ไม่มีโอกาสเข้าใกล้ชิดนางเหมือนท้าวผาแดง  ท้าวภังคีได้พกเอาความรักกลับบ้าน  ถึงเมืองศรีสัตตนาคนหุต  แล้วก็ไม่เป็นอันกินอันนอน  ทุรนทุราย  จึงได้ลาบิดารมารดาเพื่อมาพบนางไอ่  บิดาห้ามว่าเมืองมนุษย์นั้นอันตรายมาก  อย่าไปเลย  แต่ก็ไม่อาจจะห้ามปรามได้ (ภัคคีมีกรรมจะต้องไปตามกรรม)   เมื่อไปถึงเมืองเอกธีตาท้าวภังคีกับบริวาร  ได้แปลงตนเป็นสัตว์ต่างๆ  ตัวภังคีได้แปลงเป็นกระรอกด่อน (เผือก) มีกระดิ่งทองแขวนคอด้วย  ได้ปืนป่วยกระดด อยู่บนต้นงิ้วใกล้หอปางของนางไอ่  สายตาก็สอดส่ายมองดูนางไอ่  สายตาก็สอดส่ายมองดูนางไอ่  นางไอ่เห็นกระรอกด่อน  มีกระดิ่งทองด้วย  ก็อยากได้จึงให้ตามนายพรานมายิงกระรอก  เมื่อกระรอกถูกยิงด้วยลูกธนู  มันได้อธิญานต่อเทพยดาว่า “ขอให้เนื้อของข้าจงเอร็ดอร่อย  และมีพกกินแก่คนทั้งเมือง”  เมื่อกระรอกตายแล้ว  ชาวเมืองก็ได้แบ่งเนื้อกัน  ยกเว้นแม่หม้าย  เพราะเขาถือว่าแม่หม้ายมิได้รับให้ราชการ  ผัวมิได้เป็นทหาร  ตำรวจ  ฝ่ายบริวารท้าวภังคีเห็นว่าเจ้านายตนเสียชีวิตแล้ว  ก็รีบไปบอกท้าวสุทโธนาค  ท้าวสุทโธนาคจึงเกณฑ์พลนับหมื่น  ให้ไปถล่มทลายเมืองพญาขอม  ใครกินเนื้อภังคีต้องเอาให้ตายหมด  กองทัพนาคที่มหึมาจึงเคลื่อนลงใต้  สู่เมืองพญาขอมทันที
วันนั้นเอง  ท้าวผาแดงซึ่งรักนางไอ่แทบหัวอกจะเป็นหนอง  ทนอยู่ไม่ได้เช่นกันจึงรีบห้อม้าบักสาม  จากผาโผง  สู่เอกธีตา  ตั้งแต่เช้าจนถึงเย็นค่ำ  จึงมาถึง  เมื่อมาถึงนางไอ่ก็ต้อนรับด้วยความดีใจ  พร้อมทั้งจัดอาหารมาเลี้ยงด้วย  เมื่อท้าวผาแดงรู้ว่าเป็นแกงกระรอก  ก็มิได้แตะต้อง  และปรับทุกข์กับนางไอ่ว่า  กระรอกตัวนี้มิใช่กระรอกธรรมดา  มันเป็นท้าวภังคีแปลงกายมา  ใครกินเนื้อท้าวภังคีแล้วบ้านเมืองจะถล่มถึงตาย  พูดจบกองทัพนาคก็มาถึงเมืองแผ่นปฐพีเลื่อนถล่มโครมครามใกล้เข้ามา  ท้าวผาแดงจึงให้นางไอ่เตรียมข้าวของบางชิ้นเช่น  แหวน ฆ้อง  และกลองเล็ก  ที่พอจะเอาติดตัวไปได้  แล้วรีบซ้อนท้าย  ตนเองก็ควบม้าบักสามห้อยออกจากเมืองทันที่  แต่ก็หนีไม่พ้น  แผ่นดินทรุด  ถล่มตามหลังไปไม่หยุด  จนนางไอ่ต้องโยนฆ้องทิ้งไป  และโยนกล้องทิ้ง  สุดท้ายก็โยนแหวนทิ้ง  เมื่อม้าหมดแรงวิ่งช้าลง  พญานาคก็เองหางตวัดเกี่ยวเอานางไปลงจากหลังม้า  ท้าวผาแดงก็ควบหนีต่อไป  พวกนาคก็ตามไปอีกเพราะมีแหวนนางไอ่ติดตัวไปด้วย  ท้าวผาแดงจึงทิ้งแหวนเสีย  ตนเองจึงปลอดภัย  นาคได้เอาแหวนกลับไปสวมให้นางไอ่  แล้วอุ้มนางลงสู่บาดาลเมืองนาคต่อไป  บ้านใครที่กินเนื้อกระรอกได้ถล่มทลายกลายเป็นทะเลไปหมด  เหลือแต่บ้านแม่หม้าย  คงเป็นดอนแม่หม้าย  ให้เราเห็นอยู่จนทุกวันนี้  พระเณรก็โชคดี  ไม่ได้ฉันด้วย  วัดวาจึงไม่ถล่มทลายไปด้วย

ท้าวผาแดงกลับไปถึงเมืองผาโพงแล้ว  เสียใจที่สูญเสียคนรักไป  จึงอธิฐานต่อเทพยดาว่าจะขอตายเพื่อไปสู้เอานางไอ่กลับมา  แล้วก็กลั่นใจตายบนปราสาท  ท้าวเธอได้ไปเกิดเป็นหัวหน้าผี  ได้นำกองทัพไปสู้กับพวกนาค  กองทัพนากกับกองทัพผีได้ต่อสู้กันอยู่นานน้ำในบึงในหนองขุ่นข้น  ดินบนบกกลายเป็นฝุ่นละอองตลบไปทั่วบริเวณพระอินทร์จึงลงมาระงับศึก  ให้ผีกลับไปเมืองผี  ให้นาคกลับไปเมืองนาค  ส่วนนางไอ่ผู้เป็นต้นเหตุให้รออยู่ที่บาดาลก่อนรอให้พระศรีอารย์ลงมาติดสินว่า  นางจะเป็นของใคร  นางไอ่จึงต้องรออยู่จนกว่าจะถึงวันนั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น